Tuesday, March 16, 2010

อาหารกับสิ่งบรรเทาตาโปน Good stuff for GD

ที่มา - www.suite101.com/article.cfm/graves_disease/51468/2, www.suite101.com/article.cfm/graves_disease/1-20, www.mediboard.com/forums/index.php?showtopic=8018 

-: begin edit :- แจ้งการเปลี่ยนแปลง website ใน reference ค่ะ ปัจจุบันนี้ mediboard.com เค้าแปลงโฉมใหม่และเปลี่ยนเป็น livingwithgravesdisease.com แทนแล้ว ถ้าคลิกที่ link ด้านบน เค้าก็จะวิ่งไปที่ site ใหม่ให้โดยอัตโนมัตินะคะ ถ้าไม่ไปก็ไม่ต้องง้ออ่ะ กดไปเองเลยคุณหลาน ฮ่าๆ www.livingwithgravesdisease.com นะจ๊ะ ..ไปล่ะ ..มาบอกแค่นี้แหละ เผื่อเกิดมีการหา reference ไม่เจอ ป้ากลัวโดนหาว่ามั่วนิ่มอ่ะดิ -: end edit :-

เพราะอาการตาโปน เป็นเรื่องของภูมิคุ้มกันไทรอยด์บกพร่อง (ATD - Autoimmune Thyroid Disease) การช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกัน (Immune System) เกิดความสมดุลย์จึงเป็นหนทางหนึ่งในการบรรเทารักษาที่ดีค่ะ

การนั่งสมาธิ/สวดมนต์ การเล่นโยคะ เล่นไทชิ ช่วยให้จิตใจสงบและเสริมส่งให้จิตและกายสอดผสานเป็นหนึ่งเดียว เป็นการลดความตึงเครียดทั้งมวลทั้งกายและใจ ซึ่งส่งผลดีกับระบบภูมิคุ้มกันได้อย่างไม่น่าเชื่อ ป้าเอาตาที่หายโปนนี้รับประกันให้เลย นี่ขนาดไม่ได้นั่งสมาธินะ แค่สวดมนต์ก็ช่วยให้หุบไปได้มหาศาล

แล้วก็มีองค์ประกอบของพืชบางชนิดที่ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันของเราสมดุลย์และแข็งแรงได้ด้วย เรียกว่า "Immunomodulators" ในบทความนี้ยกตัวอย่างถึง German chamomile และ Sterolin (plant sterols) ป้าก็ไม่รู้ภาษาไทยเรียกอะไรอ่ะ

ประเภทผักที่ช่วยให้ไทรอยด์ทำงานหนักน้อยลง (..ย้ำ..อันนี้สำหรับคนตาโปนที่เป็นคู่กับ Hyper เท่านั้นนะคะ) คือ ...

บร็อคโคลี่, brussels sprouts, ผักกะหล่ำทั้งหลาย, kale, mustard greens, หัวผักกาด turnips, ผักโขม, ถั่วเหลือง, ต้น rutabaga (อันนี้ป้าก็ยังหาไม่เจอเหมือนกันว่าบ้านเรามีไหม)

Omega 3 ก็ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าช่วยเรื่องสุขภาพตาได้จริง จากผู้ป่วยที่เข้ามารายงานใน mediboard และตัวป้าเองด้วย ไม่รู้ว่าทุกวันนี้มีรายงานพิสูจน์กันอย่างเป็นทางการกันแล้วหรือยังนะคะ แต่อย่างที่คุณแพมจาก mediboard บอกล่ะค่ะ "บทพิสูจน์อยู่ที่กระจกเงา" ส่องดูแล้วเห็นตาดีขึ้นขนาดไหนนั่นไง..
โอเมก้า 3 บ้านเราก็ฮิตกันดี ป้าคงไม่ต้องร่ายเรียงว่ามีอยู่ในอะไรบ้างแล้วเน๊อะ (แต่แอบแถมนิดก็ได้ว่า ป้ากินไข่ไก่โอเมก้า 3 ซื้อจาก Food Hall แล้วก็ปลาแซลมอนของ Isetan ค่ะ)

ที่อยากแนะนำอีกอย่างคือ จมูกข้าวสาลี (wheat germ) และ น้ำมันรำข้าว (rice bran) คุณประโยชน์เยอะมาก [http://groups.msn.com/amata/page.msnw] ที่สำคัญช่วยอาการตาโปนได้ดีจริงๆ และป้ากินจมูกข้าวสาลีแบบผง(เกล็ดจมูกข้าวสาลีที่ป้ากินเป็นของ "บ้านธัญญาทิพย์" อนามัยดีค่ะ) หรือบางทีก็กินแบบเป็นเมล็ดเอามาหุงผสมข้าวกล้องด้วย แต่ไม่ได้กินแบบแคปซูลอ่ะนะ  เป็นโรคไม่ชอบกลืนยาเม็ดทุกชนิด ใครกินแคปซูลได้ผลมาแชร์เพื่อนๆ กันบ้างนะคะ สำหรับน้ำมันทำอาหาร ที่บ้านโดนป้าบังคับให้เปลี่ยนมาใช้น้ำมันรำข้าวคิงกันหมดค่ะ 

นอกจากนี้ก็มีเรื่องของ "น้ำดื่ม" ค่ะที่มีผลกับไทรอยด์ อย่าลืมดูส่วนผสมหน่อยนะคะ ถ้ามี fluoride ก็พยายามเลี่ยงเหอะ และถ้าเป็นการผลิตแบบ reverse osmosis ได้ก็เยี่ยมค่ะ นอกจากเรื่องฟลูออไรด์ ก็มีการค้นพบว่า น้ำแร่ช่วยผู้ป่วยไทรอยด์ให้ดีขึ้นได้ [www.ithyroid.com] ลองเคาะลิ้งค์ไปอ่านดูดินะ ยาวดี 


ถ้าขี้เกียจ ป้าสรุปคร่าวๆ ให้นะว่า คุณจอห์น ผู้เขียนเค้าเชื่อว่าการดื่มน้ำกลั่น (distilled) น่ะไม่ดีกับสุขภาพของเรา เค้าว่ามันมีส่วนทำให้ไทรอยด์เค้าเป็นพิษ (Hyperthyroidism) แน่ะ เพราะนอกจากน้ำกลั่นจะไม่มีแร่ธาตุอะไรอยู่แล้ว มันยังอุตริมาดึงแร่ธาตุที่เราได้จากอาหารอื่นออกไปกับฉิ้งฉ่องอีกอ่ะ ยิ่งถ้าเป็นน้ำจากเครื่องกลั่นนะ จอห์นบอกว่ายิ่งแย่ เพราะเครื่องกลั่นมี aluminum electrode (จำอลูมินัมคู่อริเจ้าเก่าของชาวตาโปนได้ป่าว?) และเค้าเชื่อว่าอลูมินัมผ่านออกมากับน้ำได้ เพราะเจอกับตัวเองเลยว่าทำให้อาการเค้าหนักกว่าเดิม เค้าก็เลยดื่มน้ำแร่ธรรมชาติและเชื่อว่าที่มันช่วยไทรอยด์ได้เพราะมี "ทังสเตน" (tungsten)อยู่ค่ะ ตอนยังไม่หาย ป้าเลือกน้ำแร่เอเวียง, วอลวิค เพราะไม่มีฟลูออไรด์ ตอนนี้หายแล้วก็ยังดื่มอยู่ค่ะ เฉพาะเช้าหลังตื่นนอน

อีกอย่างที่ช่วยเรื่องตาโปนได้สุดล้ำ และพิสูจน์แล้วจาก mediboard และตัวป้าเองอีกเหมือนกัน ก็คือ Flaxseed (Linseed) ค่ะ บ้านเราเรียกว่า เมล็ดป่าน วิธีกินของป้าคือ เอาเมล็ดแบ่งใส่เครื่องปั่นในสัดส่วนสำหรับกินภายใน 2 อาทิตย์ ไม่ควรปั่นทิ้งไว้เกินนี้นะคะ คุณค่ามันจะเสื่อมไปแล้ว บางครั้งช่วงไหนขยันป้าก็ปั่นทีกินที อย่างนั้นยิ่งดีที่สุดถ้ามีเวลาค่ะ และที่สำคัญ ...
(หนึ่ง)..กิน flax ห่างจากยาไทรอยด์และอื่นๆ 1 ชม.ก่อนหน้า หรือ 2 ชม.ให้หลังนะคะ จะได้รับอานุภาพยาได้เต็มร้อย มีรายละเอียดยาที่ไม่ควรกินร่วมกับ flax เพิ่มเติมที่ลิ้งค์นี้ค่ะ [www.intelihealth.com/IH/ihtIH/WSIHWOOD/8513/31402/346977.html?d=dmtContent]
(สอง)..เก็บในตู้เย็นนะจ๊ะ ทั้งเมล็ดและ "มะแหลก" (ก็ที่ปั่นแล้วไงฮิๆ) (สาม)..ใครรู้ตัวว่าธาตุอ่อนไม่ควรกินมากกว่า 2 ช้อนโต๊ะต่อวันนะคะ (มากสุดได้ 5) มันมีอานุภาพ "จู๊ดๆ" ถ้ากินเพลินเกินพอจ้า ก็เหมือนทุกอย่างแหละ อยู่ที่ "ความพอดี" นั่นเอง

ทางที่ดี ตอนเริ่มกินใหม่ๆ ก็ค่อยๆ เพิ่มปริมาณไปก็ได้ค่ะ วันแรกก็ช้อนโต๊ะเดียว อีก 2-3 วันต่อมาก็เพิ่มเป็น 2 ชต.ฯลฯ บางทีก็พิจารณาลดหลั่นปริมาณ flax ตามอาหารที่กินในวันนั้นๆ ก็ช่วยให้ไม่กินเกินพอได้ค่ะ เช่นวันนี้กินไข่โอเมก้า 3 ไป 2 ฟองแล้ว ก็ลด flax เป็นช้อนเดียวซะก็ได้จ้า

Flax มีให้เลือกกินได้ทั้งแบบเมล็ด แบบน้ำมัน flaxseed oil และแบบอัดเม็ดแคปซูลค่ะ แรกๆ ป้าหาซื้อในบ้านเราไม่เจอสักกะแบบอ่ะ ก็เลยซื้อแบบเมล็ดจากสิงค์โปร์มาตุนไว้เพียบเลย วันหมดอายุเค้าก็ไกลดีค่ะ ต่อมาได้รับความกรุณาจากคุณๆ ใจดีหลายท่านจาก pantown.com แนะนำว่ามีขายในบ้านเราแล้วแถวๆ ท่าพระจันทร์ หรือไม่ก็วัดโพธิ์ กับร้านดอยคำค่ะ แต่ที่ป้าตุนไว้ยังไม่หมดซ้ำบางทีมีโอกาสได้ล็อตใหม่จากสิงค์โปร์อีก ก็เลยยังไม่ได้ไปหาดูที่ๆ เหล่านั้นสักทีค่ะ ไม่ทราบเดี๋ยวนี้ยังมีอยู่หรือเปล่านะ หลายเดือนก่อนเคยเห็นแว๊บๆ ในซุปเปอร์ฯ ที่ไหนสักแห่ง อุตส่าห์บอกตัวเองว่า เออ ดีจังต้องจำไว้ว่าเจอที่นี่ ..เสร็จแล้วความชราเข้าสิง ..ลืม.. 

ประโยชน์ของ flax ดูใน post นี้ได้ค่ะwww.pantown.com/board.php?id=10764&area=4&name=boardll&topic=29&action=view นอกจากช่วยเรื่องตาโปนของป้าได้เห็นๆ แล้วยังดีต่อสุขภาพอีกสารพัดเลยจริงๆ นะ

แต่..สัจธรรมชีวิต มีดีก็มีร้ายนะคะ ..

สำหรับ flax แบบดิบ ระวังอย่ากินมากเกินค่ะ สัก 2 ชต.ก็กำลังงาม อย่าเกิน 5 ชต.ได้เป็นดีค่ะ เพราะแบบดิบมี cyanogenic glycosides พอเข้าไปในร่างกายแล้วจะแปรสภาพเป็น thiocyanates ซึ่งถ้ามีมากเกินไป จะทำให้ต่อมไทรอยด์ดูดซึมไอโอดีนได้น้อยลง ทำให้เสี่ยงเป็นคอพอกได้ (แต่ไม่ต้องกลัวนะคะ ในปริมาณพอเหมาะตามธรรมชาติ thiocyanates เป็นสิ่งที่ร่างกายใช้ในกระบวนการทางกายภาพเคมีค่ะ www.whfoods.org/genpage.php?friendly=1&tname=dailytip&dbid=25) แต่ถ้าเอาไปผสมอาหารที่อาศัยความร้อนก็เกิน 4 ชต.ได้เพราะความร้อนช่วยสะกัด cyanogenic glycosides ใน flax ไม่ให้ออกฤทธิ์ค่ะ [www.mediboard.com/forums/index.php?showtopic=21065&hl=flaxseeds]

ข้อควรระวังนอกจากนั้นก็มีอีกค่ะ [www.mayoclinic.com/print/flaxseed/NS_patient-flaxseed/METHOD=print&DSECTION=all] ใครมีค่าไตรกลีเซอรายด์ (triglycerides) ในเลือดสูงก็ไม่ควรกิน flaxseed นะคะ เค้าว่าการศึกษาทดลองยังสรุปไม่สุด ส่วนคนเป็นเบาหวานก็ต้องคอยระวังปริมาณที่กินหน่อยค่ะ เพราะโอเมก้า 3 ใน flax อาจทำให้น้ำตาลในเลือดเพิ่มสูงขึ้น อีกอย่างก็คือ (เหะๆ อย่าเพิ่งถอดใจ ..ประโยชน์เยอะค่ะ แต่ก็มีที่ควรระวังกันอ่ะนะ ป้าก็อยากแจกแจงไว้ให้หมดเพื่อความปลอดภัย) ..flax มีคุณสมบัติบางส่วนคล้ายๆเอสโตรเจน เค้าก็เลยมีเตือนไว้สำหรับหญิงที่มีซิสต์ในมดลูกหลายก้อน (polycystic ovary syndrome), ฟัยบรอยด์ในมดลูก (uterine fibroids), endometriosis (ไม่แน่ใจภาษาไทยค่ะว่าใช่ พังผืดนอกมดลูกหรือเปล่า), มะเร็งทรวงอก/มดลูก/รังไข่ ให้กินด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษนะคะ (ป้าเองตอนนี้ก็งด flax แล้วเพราะมี fibroids แต่พอดีตาก็หายแล้วด้วย เลยไม่เป็นไรที่ไม่ได้กิน)

แถมให้หนุ่มๆ ด้วยสักนิด ถ้าเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากหรือมีจุดเสี่ยงว่าจะเป็น ก็ให้หลีกเลี่ยง flax ไว้ก่อนเป็นดีที่สุดค่ะ แล้วก็ใครมีนัดผ่าตัด ถอนฟัน ฯลฯ ที่เกี่ยวกับเลือดตกยางออกก็ให้งด flax ไว้ก่อนเน้อเดี๋ยวเกร็ดเลือดแข็งตัวยาก

อีกนิดก่อนจบ ..คุณแม่อุ้มท้อง/ให้นมอยู่ อย่าเพิ่งกินนะคะ เด็กๆ ก็ไม่ควรกินค่ะ ไงๆ ชาวตาโปนจะปรึกษาคุณหมอของแต่ละท่านก่อนก็ได้นะคะ ของป้า หมอไม่เชื่อว่าเกี่ยว แต่ทั้งป้าทั้งเพื่อนๆ ใน mediboard ก็ใช้ได้ผลกันแล้ว ..ก็ไม่รู้เหมือนกันเน๊อะ .. เอาใจช่วยทุกคนละกันค่ะ ขอให้หายได้เร็วๆ
:-)

11 comments:

  1. ป้าขา

    หนูอยากรู้ว่าจะซื้อเม็ด flax ได้ที่ไหนคะ

    หนูจ๋า

    ReplyDelete
  2. มาตอบช้าอีกแล้วเรา
    ซอรี่ซออู้ที่สุด...

    ป้าเคยเห็นที่ซูเปอร์ฯ ของพารากอนน่ะค่ะ (ถ้าจำไม่ผิด)
    นอกจากนั้นป้าซื้อจากสิงค์โปร์เอาอ่ะ มีหลายแบบดีด้วยล่ะ
    แต่ตอนนี้ป้าต้องหยุดกินเพราะมีก้อนฟัยบรอยด์สไงจ๊ะ
    ลองตามไปอ่านเติมได้ที่หัวข้อ "ของแถม" นะคะ

    ป้าเอง ^_^

    ReplyDelete
  3. This comment has been removed by a blog administrator.

    ReplyDelete
  4. ขอบคุณสาวนิรนามใจดี ช่วยมาโพสต์บอกเพื่อนๆ ที่นี่ค่ะ :-)

    แต่..ก่อนกิน ก็อย่าลืมศึกษาเรื่อง "ข้อควรระวัง" ของ flax ที่ป้ามีบอกไว้กันก่อนน๊า...

    ด้วยความห่วงใยค่ะ
    ป้า HyperT ^_^

    ReplyDelete
  5. รบกวนด้วยนะคับ พอดีเป็นไทรอยด์แบบ HYPER

    เเล้วมีอาการตาโปน ตอนนี้ได้รับการรักษาแบบกลืนแร่ IODINE 131

    อาการใจสั่นเหนื่อยง่ายหายไปตอนนี้ กลับมาเป็นแบบ HYPO ไทรอยด์น้อยลง

    แต่ตาไม่หายโปน แล้วก็มีอาการหน้าบวม ควรจะกินอาหารอะไรเสริมได้บ้างครับ

    รบกวนแนะนำหน่อยครับ อยากรู้ว่าเมล็ดลินินจะช่วยได้มั้ย ขอบคุณครับ

    ReplyDelete
    Replies
    1. ฮือๆ ป้าสงสารหลานมาก อยากจับหมอมาโบยสักร้อยเก้าแส้!!!!!
      คนตาโปนอยู่ดันให้กลืนแร่ได้ไงหือ??!!??!!!!
      เบสิคสุดๆ หมอไม่รู้ได้ไงเนี่ย?!!????!!!!!??
      ตอนนี้คงยุบยากกว่าปกติแล้ว แต่อย่าเครียดนะหลานนะ เดี๋ยวหายยิ่งช้า

      และผลจากแร่ก็ส่งหลานเป็นไฮโปแน่นอนค่ะ
      ที่หน้าบวมก็จากที่กลืนแร่และหลานแปรสภาพไปเป็นไฮโปด้วยจ้ะ ต้องได้รับยาช่วยอาการไฮโปนะคะเดี๋ยวหน้าก็ค่อยๆ ยุบเองค่ะ
      ตอนนอนลองหนุนสูงๆ ไว้ก็บรรเทาได้นะคะ

      เมล็ดป่านหรือ flaxseeds ช่วยได้ค่ะ

      ส่วนอาหารลองดูที่ link นี้นะคะ ป้าคุ้ยกรุเจอ เยอะดี
      http://hypothyroidisma.com/hypothyroidism-diet.php

      เอาใจช่วยนะหลานคนดี
      ^^

      Delete
  6. รบกวนด้วยนะคับ พอดีเป็นไทรอยด์แบบ HYPER

    เเล้วมีอาการตาโปน ตอนนี้ได้รับการรักษาแบบกลืนแร่ IODINE 131

    อาการใจสั่นเหนื่อยง่ายหายไปตอนนี้ กลับมาเป็นแบบ HYPO ไทรอยด์น้อยลง

    แต่ตาไม่หายโปน แล้วก็มีอาการหน้าบวม ควรจะกินอาหารอะไรเสริมได้บ้างครับ

    รบกวนแนะนำหน่อยครับ อยากรู้ว่าเมล็ดลินินจะช่วยได้มั้ย ขอบคุณครับ

    ReplyDelete
  7. ช่วยลบเบอร์ที่ให้ไว้ให้ทีค่ะ 086-831 เนื่องจากไม่ได้ทานนานแล้ว และจำไม่ได้ด้วยว่าซื้อได้ที่ไหนค่ะ

    ReplyDelete
    Replies
    1. Re: September 6, 2010 - comment
      ลบให้เรียบร้อยค่ะ

      Delete
  8. เป็นตาโปนข้างซ้ายน่าเกลียดมากค่ะ

    ReplyDelete
    Replies
    1. โถ ไม่เป็นไรนะคะหลาน เดี๋ยวเค้าก็หายโปนค่ะ
      ป้ายังหายแล้วเลย หลานก็หายได้นะ
      ลองอ่านวิธีดูแลเค้าจากใน blog นี้ดูนะคะ จะได้หายได้เร็วขึ้น

      โชคดีนะคะ ^^

      Delete