วันนี้ป้ามาอีกแนว....
ทำ blog ไทรอยด์แล้วมาโผล่เรื่องเบาหวานเหรอ
ดูเหมือนจะเป็นคนละเรื่อง แต่ที่จริงแล้วก็คนละเรื่องเดียวกันนะจะบอกให้
ก็เพราะ 2 โรคนี้เค้าเกี่ยวดองกันค่ะ สังเกตดิว่า หมอทางต่อมไร้ท่อกับหมอเบาหวานมักจะเป็นคนเดียวกัน แถมแผนกนี้ใน รพ. ก็รวมเป็น 1 แผนกด้วย
ทั้ง 2 พี่น้องนี้เค้าไม่สบายก็เพราะฮอร์โมนในตัวเรามันขาดสมดุลย์เหมือนๆ กัน แต่ตัวฮอร์โมนที่สร้างปัญหาจะต่างกันค่ะ
ไทรอยด์เป็นพิษ ถึงจะไม่ได้ส่งผลกระทบโดยตรงกับระดับน้ำตาลในเลือดก็จริง ..แต่..ถ้าไม่ได้รับการ
ดูแลรักษา ก็สามารถทำให้ควบคุมน้ำตาลได้ยากลำบากแสนค่ะ เช่น ถ้าเป็นไฮเปอร์ อินซูลินจะถูกดูดซึมเร็วกว่าปกติทำให้คนไข้น้ำตาลในเลือดสูง เป็นต้นค่ะ
ที่อยากเขียนเรื่องนี้ขึ้นมาก็เพราะก่อนหน้านี้ เกิดเหตุการณ์กับคุณแม่ของป้าที่ทำเอาตกใจหนักหนาและต้องเรียกรถพยาบาลกันเลย ก็เลยอยากเล่าเตือนกันไว้ก่อนสักนิดสำหรับใครที่อาจยังไม่รู้และไม่เคยเจออาการ "น้ำตาลตก" ของคนเป็นเบาหวานค่ะ
อาการจะเหมือนคนเมา ผสมง่วง ผสมเบลอ พูดไม่รู้เรื่อง สักพักคนไข้จะออกอาการเปลี้ยไม่มีแรง อย่างคุณแม่ป้าอ่ะ นั่งเบลอๆ อยู่ แล้วก็ค่อยๆ ไหลลงมาจากเก้าอี้เลย
การช่วยเหลือก็ง่ายชะมัด ...(สำหรับคนรู้มาก่อน / เจอมาแล้วนะที่ง่าย เหอๆ... แต่อย่างป้ากับน้องๆ และคุณแม่ที่ไม่เคยเจอไม่เคยรู้นี่ เล่นเอาตกใจกันแสนเข็ญเลย) คือแค่จับป้อนน้ำหวาน หรือให้อมลูกอมแค่นี้เองค่ะ สักพักก็จะเป็นปกติ หายดีเป็นปลิดทิ้ง
แต่ที่อยากเตือนคือ คุณหมอบอกว่าอันตรายมากถ้าไม่รีบจัดการดูแล เพราะคนไข้จะค่อยๆ หมดสติเนียนๆ หลับไปเลย สมองก็จะขาด oxygen ด้วยและกลายเป็นเจ้าหญิงนิทราไปได้ค่ะ สำคัญมากที่คนไข้ต้องรู้จักรู้ตัวกับอาการนี้ เผื่อเกิดอาการแล้วไม่มีใครอยู่ใกล้ จะได้รีบหาของหวานได้เอง และยิ่งดีถ้าคนรอบข้างรู้ด้วยจะได้ช่วยทันการค่ะ
ขอให้ปลอดโรคปลอดภัยกันทั่วหน้าค่ะ ^^